หลุด!! ภาพเรนเดอร์ของ Xiaomi Mi 11 Pro (5G) มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว , เลนส์ Periscope รองรับการซูมไกลถึง 120 เท่า คาดอาจเปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ 2021 นี้
Xiaomi เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Xiaomi Mi 11(5G) อย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีข่าวดีออกมาว่าสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นท๊อป อย่าง Xiaomi Mi 11 Pro (5G) อาจเปิดตัวหลังเทศกาลตรุษจีน หรือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2021 นี้ โดยข่าวดีดังกล่าวถูกเผยออกมาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ อย่าง Digital Chat Station ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ได้ระบุว่า Xiaomi Mi 11 (5G) และ Xiaomi Mi 11 Pro (5G) จะไม่เปิดตัวพร้อมกัน และก็เป็นดังที่เขาได้ระบุไว้ นั่นเองครับ
นอกจากนี้ยังได้มีภาพเรนเดอร์ของ Xiaomi Mi 11 Pro (5G) หลุดออกมา ซึ่งเผยให้เห็นดีไซน์ด้านหลังของสมาร์ทโฟน และดูเหมือนว่าจะมีความแตกต่างไปจาก Xiaomi Mi 11 (5G) เล็กน้อย โดยเฉพาะที่กล้องด้านหลัง ดังภาพด้านล่างนี้ครับ
จากภาพเรนเดอร์เราจะเห็นว่า Xiaomi Mi 11 Pro (5G) มี 2 สี คือ สีน้ำเงิน blue กับสีเงิน silver และยังคงมีกรอบกล้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมนูนออกมา แต่มีการอัปเกรดกล้องหลังเพิ่มเป็น 4 ตัวพร้อมเลนส์ telephoto (Periscope) แบบใหม่ ที่รองรับการซูมไกลสูงสุดถึง 120 เท่า จึงทำให้มีการเปลี่ยนดีไซน์ด้านหลังโดยจัดเรียงเลนส์กล้องในแนวนอนแทน นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมดีไซน์ด้านหลังของสมาร์ทโฟนทั้งคู่ถึงแตกต่างกัน
สำหรับรายละเอียดสเปกตามข่าวลือต่างๆก็มีดังนี้
- หน้าจอแสดงผลโค้งรูปสี่เหลี่ยม 2K แบบ AMOLED , ขนาด 6.81 นิ้ว , ความละเอียด 1440x3200 , ความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 515 PPI , รองรับอัตราการรีเฟรชเรทที่ 120Hz , อัตราการสุ่มตัวอย่าง 480Hz , ขอบเขตสี DCI-P3 , ความสว่างสูงสุดถึง 1500 nit (ได้รับคะแนน A+ จาก DisplayMate)
- หน้าจอบางเฉียบ
- รองรับเซนเซอร์แสกนลายนิ้วมือ แบบออปติคอล
- รองรับการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ
- ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Snapdragon 888 ของ Qualcomm
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G
- กล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล , มีเลนส์ telephoto (Periscope) แบบใหม่เพิ่มเข้ามา และรองรับการซูมไกลสูงสุดถึง 120 เท่า
อย่างไรก็ตาม Xiaomi Mi 11 Pro (5G) อาจมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ขนาดแตกต่างกัน และอาจจะรองรับการชาร์จไวที่เร็วขึ้นกว่ารุ่น Xiaomi Mi 11 (5G) แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องรอดูอีกทีว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากรายละเอียดข้อมูลเบื้องต้นหรือไม่ ยังไงก็รอติดตามไปพร้อมกันนะครับ
ที่มา : news.mydrivers.com , playfuldroid
