เปิดตัวสมาร์ทโฟน Infinix Note 40 (4G) และ Infinix Note 40 Pro (4G) อย่างเป็นทางการแล้ว มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED พร้อมฟีเจอร์ Active Halo

เปิดตัวสมาร์ทโฟน Infinix Note 40 (4G) และInfinix Note 40 Pro (4G) อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ซึ่งทั้งคู่เป็นรุ่นที่สืบทอดต่อจากสมาร์ทโฟน Infinix Note 30 และInfinix Note 30 Pro ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา โดยสมาร์ทโฟน Infinix Note 40 (4G) และInfinix Note 40 Pro (4G) รุ่นใหม่มาพร้อมกับดีไซน์ของตัวเครื่องที่เหมือนกัน , มีระบบไฟ RGB LED ที่มีฟีเจอร์ Active Halo ซึ่งแสงไฟจะเปลี่ยนสีไปตามสายเรียกเข้า การแจ้งเตือนต่างๆ หรือการชาร์จ เป็นต้น

Infinix Note 40 (4G)

• ขนาดของตัวเครื่อง 164.1 x 74.5 x 7.8 มม.
• น้ำหนัก 190 กรัม
• การเชื่อมต่อ : 4G , Wi-Fi , Bluetooth , USB Type-C , วิทยุ FM , 2 SIM , NFC
• กันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP54
• หน้าจอแสดงผลแบบแบน AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว , ความละเอียด FHD+ (1080 x 2436 พิกเซล) , อัตราการรีเฟรชเรทที่ 120Hz , ความสว่างสูงสุด 1300nits , ความหนาแน่น 393ppi และใช้กระจกป้องกันแบบ Corning Gorilla Glass
• ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบบน XOS 14
• ชิปเซ็ต MediaTek Helio G99 Ultimate
• RAM ขนาด 8GB แบบ LPDDR4X
• ความจุ ขนาด 256GB แบบ UFS 2.2
• กล้องหลัง 3 ตัว : กล้องหลัก เซ็นเซอร์ ISOCELL ขนาด 1/1.52 นิ้ว ความละเอียด 108MP (รูรับแสง ƒ/1.9) , PDAF + กล้อง ความละเอียด 2MP (รูรับแสง ƒ/2.4) + กล้อง เลนส์ AI + ไฟแฟลช LED 4 ดวง
• กล้องหน้า ความละเอียด 32MP (รูรับแสง ƒ/2.2)
• มีลำโพงสเตอริโอ , รองรับระบบเสียง Hi-Res ของ JBL
• รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล
• แบตเตอรี่ 5,000mAh , รองรับการชาร์จไวแบบมีสายที่ 45W / ชาร์จเพียง 26 นาที ได้แบต 50% , รองรับการชาร์จไวแบบไร้สาย MagCharge ที่ 20W , รองรับการชาร์จไวแบบมีสาย/ไร้สายย้อนกลับ
• มี 2 สี : สีออบซิเดียนแบล็ค Obsidian Black และสีไททันโกลด์ Titan Gold
• ราคา : เริ่มต้นอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 7,xxx บาท

Infinix Note 40 Pro (4G)

• ขนาดของตัวเครื่อง 164.4 x 74.6 x 7.8 มม.
• น้ำหนัก 190 กรัม
• การเชื่อมต่อ : 4G , Wi-Fi , Bluetooth , USB Type-C , วิทยุ FM , 2 SIM , NFC
• กันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP54
• หน้าจอแสดงผลโค้ง 3D แบน AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว , ความละเอียด FHD+ (1080 x 2436 พิกเซล) , อัตราการรีเฟรชเรทที่ 120Hz , ความสว่างสูงสุด 1300nits , ความหนาแน่น 393ppi และใช้กระจกป้องกันแบบ Corning Gorilla Glass
• ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบบน XOS 14
• รองรับการอัพเดตระบบปฏิบัติการ 2 รายการ และการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยนาน 3 ปี
• ชิปเซ็ต MediaTek Helio G99 Ultimate
• RAM ขนาด 8GB / 12GB , รองรับ RAM เสมือนสูงสุด 12GB
• ความจุ ขนาด 256GB แบบ UFS 2.2
• กล้องหลัง 3 ตัว : กล้องหลัก ความละเอียด 108MP (รูรับแสง ƒ/1.9) , PDAF , OIS + กล้อง ความละเอียด 2MP (รูรับแสง ƒ/2.4) + กล้อง ความละเอียด 2MP (รูรับแสง ƒ/2.4) + ไฟแฟลช LED 4 ดวง
• กล้องหน้า ความละเอียด 32MP (รูรับแสง ƒ/2.2) + ไฟแฟลช LED คู่
• มีลำโพงสเตอริโอ , รองรับระบบเสียง Hi-Res ของ JBL
• รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล
• แบตเตอรี่ 5,000mAh , รองรับการชาร์จไวแบบมีสายที่ 70W / ชาร์จเพียง 20 นาที ได้แบต 50% , รองรับการชาร์จไวแบบไร้สาย MagCharge ที่ 20W , รองรับการชาร์จไวแบบมีสาย/ไร้สายย้อนกลับ
• มี 2 สี : สีเขียววินเทจ Vintage Green และสีไททันโกลด์ Titan Gold
• ราคา : เริ่มต้นอยู่ที่ 259 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 9,xxx บาท

- เปิดราคาในประเทศไทยของสมาร์ทโฟน Infinix Note 30 (4G) , Infinix Note 30 (5G) ราคาเริ่มต้นเพียง 5,999 บาทเท่านั้น

- เปิดตัวสมาร์ทโฟน Infinix Note 30 Series อย่างเป็นทางการแล้ว มาพร้อมรองรับการชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี All-Round FastCharge ของ Infinix สูงสุดที่ 68W

- เปิดตัวสมาร์ทโฟน Infinix Note 30 VIP อย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย ในราคาเริ่มต้นเพียง 10,999 บาท

ที่มา : gizmochina , gsmarena , gsmarena